สวัสดีครับ.
โลกเรานั้นเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ทุกเวลาทุกๆนาที ความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์ดูจะผลักดันให้มีการปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกขณะ ปัจจุบันการหมุนโทรศัพท์ ดูจะเป็นการไม่สะดวกสบาย ต้องมีรีโมทบังคับได้จากทุกหนทุกแห่ง เครื่องบินโบอิ้งบินลัดฟ้าไปยุโรป ภายใน 8 ชั่วโมง ทำท่าจะไม่เร็วพอสำหรับนักธุรกิจข้ามชาติเสียแล้ว
รสนิยมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับความเจริญทางเทคโนโลยี่ กระดานดำกลายเป็นกระดานเขียว กระดานเขียวกลายเป็นกระดานขาว โทรศัพท์ซึ่งเคยมีสีดำกลับอ่อนลง โทรทัศน์ที่เคยมีสีอ่่อนกับดำขึ้น เครื่องเสียงที่เคยนิยมขนาดใหญ่กลับเล็กลง ฯลฯ
อยู่ๆ ... ประเทศไทย ที่เคยเป็นสวรรค์สำหรับนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งปฏิเสธเพิกเฉย ไม่รับรู้กฎเกณฑ์และหลักเศรษฐศาสตร์ ด้วยความเชื่อมั่นฮึกเหิม และละเลยปรากฎการฟองสบู่ ต่างได้รับบทเรียนราคาแพงที่เจ็บแสบ
หลายๆ คนพูดว่า " ถ้ารู้อย่างนี้ " ดูจะเป็นคำพูดที่ได้ยินกันมาก แน่นอนที่สุด ถ้าเราสามารถหยั่งรู้สถานการณ์ล่วงหน้าเราจะสามารถป้องกันภัยและ ความเสียหาย ได้อย่างมหาศาลรวมทั้งทำรายได้อย่างมหึมา
การเปลี่ยนแปลงที่จะกล่าวถึงไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านความนึกคิดอย่างถอนรากถอนโคน การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในอดีตเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการขนส่ง (รถยนต์, รถไฟฟ้า และท่าอากาศยาน) และอุตสาหกรรมการสื่อสาร (โทรศัพท์, โทรสาร ) การเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไป จะเกิดกับอุตสาหกรรมการว่าจ้าง, อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ และการตลาดระบบอินเตอร์เนต... ผู้ที่เข้าใจถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง และอยู่ในตำแหน่งอันเหมาะสม ด้วยเครื่องมือทางการเงินที่ถูกต้อง จะสามารถได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง
1. โลกปัจจุบันได้มีการย้ายความสำคัญของพื้นฐานการผลิต มาสู่พื้นฐานการจัีดจำหน่าย และพื้นฐานข้ัอมูล เราไม่สามารถยอมรับข้อมูลที่ล่าช้า หรือการบริการที่ไม่้รวดเร็วได้อีกต่อไป
2. ยุคโลกาภิวัฒน์ ทำให้เราอยู่ในโลกไร้พรมแดน บริษัททุกบริษัทจำเป็นต้องมีขีดความสามารถที่จะแข่งขันในระดับนานาชาติ
3. บริษัทต่างๆทั่วโลก มีความจำเป็นต้องปรับองค์กรของตนให้มีขนาดเล็กลง เพื่อดำรงความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก
4. การลดขนาดขององค์กร ทำให้เกิดการเลิกจ้างงานอย่างมโหฬาร โดยเปลี่ยนการว่าจ้างลูกจ้างประจำเป็นการว่าจ้างบุคคลแบบอิสระ หรือการจ้างช่วงเพื่อหลีกเลี่ยงรายจ่ายประจำ
5. แนวความคิดของพลเมืองโลกสมัยก่อน ในการที่จะทำงานกับบริษัทที่มั่นคงตลอดชีวิต เพื่อการมีฐานะการเงิน และความเป็นอยู่ที่มั่นคง ภายหลังเกษียรอายุ ดูจะเป็นความหวัที่เลือนรางทุกที
6. ด้วยความที่ไม่แน่นอนของลูกจ้าง ประชากรโลกจึงหันมานิยมทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเขาสามารถทำได้สะดวกสบายจากบ้านของเขาเอง ธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจในครัวเรือนมีอัตราการขยายจาก 450 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็น 750 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 1995 แต่ ธุรกิจขนาดเล็กที่ยกเลิกการทำงาน ภายในระยะ 5 ปี มีมากถึง 90 %
7. บุคคลในยุคเบบี้บูม ( 42 -60ปี ) กำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพอย่างหนัก ประชากรโลกกำลังใช้เงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อค้นคว้าวิธีป้องกัน พฤติกรรมการบริโภคของคนหนุ่มสาว ซึ่งมีกำลังซื้อสูง ถึง 2/3 ของกำลังซื้อทั้งหมดของโลก หันมาสนใจสินค้าบำรุงสุขภาพ ลดริ้วรอย ความชราเสื่อมโทรม สินค้าที่ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ และยืดอายุ ในราคาที่สามารถหาซื้อได้
กาีรวางตัวเพื่อพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
นอกจากการเป็นลูกจ้างแล้ว ยังมีอีก 2 วิธี ในการที่บุคคลธรรมดาจะ แสวงหารายได้ คือ
1. เริ่มธุรกิจขนาดเล็กของตัวเอง โดยมีการขายสินค้าหรือบริการ
2. ลงทุนโดยการลงเวลาหรือเงิน หรือทั้งสองอย่าง โดยใข้เครื่องมือที่ให้ผลตอบแทนสูง
ซึ่งในปัจจุบัน มีพาหนะทางการเงินที่เป็นคานงัดมากมาย แต่ต้องมีเงินลงทุนและอัตราเสี่ยงค่อนข้างสูง เช่นสต็อก ระบบเฟรนไชส์ และการว่าจ้างคนอื่นแทนตัวคุณเอง... ฯลฯ
เรามาพูดถึงพาหนะทางการเงินเฉพาะที่มีคุณสมบัติครบถ้วนดังต่อไปนี้
1. ไม่มีอัตราเสี่ยงการลงทุน
2. รายได้เริ่มจากรายรับแนวตรงและกลายเป็นระบบคานงัด โดยมีความเป็นไปได้ในการที่จะทำรายได้มากว่า 6 หลักต่อเดือน ภายในระยะเวลา 2 ปี
3. บุคคลธรรมดาสามารถเริ่มต้นได้ทันที โดยใช้เวลาการทำงาน 5- 10 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ และไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำ
4. ไม่มีการขายหน้าร้าน กักเก็บสินค้า ว่าจ้างพนักงานและไม่ต้องจัดทำระบบการเงินการบัญชี
5. เป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยม และทวีความนิยมมากขึ้นในอนาคต
6. มีโอกาสในการทำงาน และได้รับการสนับสนุนจากคนเป็นพันๆ คนที่กำลังได้รับรายได้จากการทำเงินในลักษณะคานงัด
คลื่นลูกที่ 3
การกระจายสินค้าระบบเครือข่าย
การกระจายสินค้าระบบเครือข่ายเป็นสิ่งใหม่ในทศวรรษที่ 1960 เช่นเดียวกับที่ระบบเฟรนไชส์ เป็นสิ่งใหม่ในทศวรรษที่ 1940 แรกเริ่มระบบเฟรนไชส์ ถูกขนานนามว่าเป็น " ระบบปิรามิดที่ผิดจรรยาบรรณ " ระบบเครือข่ายก็เช่นเดียวกัน ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบ และยอมรับ ว่าเป็นธุรกิจที่ถูกจรรยาบรรณ " การขายตรง " คือ การขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรงจากบริษัท และผลกำไรถุูกนำส่งผู้แนะนำสินค้า บริษัทเทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้ ได้ขจัดข้อเสียทั้งหมดในการกระจายสินค้าแบบดั้งเดิม เช่น ยกเลิกการจัดเก็บสต็อกสินค้า ยกเลิกค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานขาย และประหยัดการลงทุน เมื่อมีการลดขนาดของธุรกิจ
ผู้ก่อตั้งธุรกิจเหล่านี้ก็มีเวลาเหลือพอที่จะสังคมซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือและแนะนำการดำเนินธุรกิจซึ่งกันและกัน การดำเ้นินธุรกิจกระจายสินค้า ระบบเครือข่ายในศตวรรษที่ 21 เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจชนิดเดียวที่ตอบสนองความต้องการ 6 ข้อ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น
การกระจายสินค้าระบบเครือข่าย ขณะนี้มีอายุ ได้ 50 กว่าปี โดยผ่านการเปลี่ยนแปลงมาถึง 3 ระบบ หรือที่เราเรียกว่า คลื่นลูกที่ 3 โดยเริ่มจากระบบปิรามิดที่ผิดกฎหมาย สู่การดำเนินธุรกิจซื้อตรง แต่ปราศจากกฎเกณฑ์ และกติกา และลงท้ายด้วยการเป็นธุรกิจที่ซื่อสัตย์สุจริต มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการดำเนินงานสู่ความมั่งคั่ง
หลักฐานการเจริญเติบโตของธุรกิจนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไป วิชาที่เกี่ยวกับการแนะนำธุรกิจนี้มีสอนอยู่ในหลายๆสถาบัน ภายใน 2- 3 ปีข้างหน้านี้ การขายสินค้า 50 % ในสหรัฐจะถูกจำหน่ายด้วยระบบเครือข่าย
" หากท่าน คือ บุคคลที่พร้อมทำงานหนัก เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นคงทางฐานะทางการเงินโดยไม่มีอัตราเสี่ยงในการลงทุน คลื่นลูกที่ 3 ของระบบเครือข่าย คือทางเลือกที่่ดีที่สุดของท่าน "
สวัสดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น